สงครามเย็นการขยายอิทธิพลของสองขั้วมหาอำนาจ

สงครามเย็นการขยายอิทธิพลของสองขั้วมหาอำนาจ

สำหรับสงครามเย็นหลายคนสงสัยว่ามันแปลว่าอะไรก็มีความหมายว่าคู่สงคราม โดยคู่สงครามนั้นจะไม่ได้ต่อสู้กันเองมองย้อนกลับไปนิดนึงหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วมหาอำนาจเดิมได้แก่อังกฤษฝรั่งเศสอยู่ในสภาพค่อนข้างที่จะอ่อนล้ากับภัยสงครามทรัยากรก็ดีกำลังคนก็ดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลยสามชาติหลักๆในยุโรปก็อังกฤษ ฝรั่งเศส และ เยอรมัน อ่อนล้าไปมากเลยทีเดียวดังนั้นเป็นปกติของโลกครั้งใดก็ตามที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอ่อนล้าก็จะมีมหาอำนาจใหม่ขึ้นมาแทนกันด้วยมหาอำนาจขั้วใหม่สองขั้วซึ่งถือได้ว่าได้รับผลกระทบจากสงครามน้อยกว่าชาติอื่นๆได้แก่ สหรัฐอเมริกา

แน่นอนว่าสงครามโลกครั้งที่2 นี้ไม่ได้มีการใช้พื้นที่สหรัฐอเมริกาเป็นสมรภูมิเลยและในขณะเดียวกันสหภาพโซเวียตเองถึงแม้ว่าระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 นี้จะถูกเยอรมันบุกค่อนข้างที่จะรุนแรงแต่กระนั้นถือได้ว่าจำกัดขอบวงของภัยสงครามเอาไว้ได้ค่อนข้างจำกัดทีเดียว

สงครามเย็นการขยายอิทธิพล ดังนั้นมหาอำนาจใหม่ที่เกิดขึ้นมาก็คือสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตในช่วงนั้นเป็นช่วงที่เรื่องของอุดมการทางการเมืองอันได้แก่เสรีนิยมประชาธิปไตยและสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ถือได้ว่าเติบโตขึ้นได้อย่างรวดเร็วผู้ที่ถือได้ว่าเป็นแกนนำของสองลัทธินี้ก็คือ 2 ขั้วมหาอำนาจนี้นั่นเอง

แต่แทนที่ทั้งสองคู่นี้จะใช้วิธีการรบโดยตรงไม่ใช่รูปแบบคือการใช้สงครามตัวแทนเป็นการแข่งขันระหว่างขั้วมหาอำนาจ 2 ขั้วในการที่จะดูว่าฝ่ายใดที่จะสามารถขยายอิทธิพลของอุดมการของการปกครองของตนเองได้มากกว่ากันด้วยอย่างที่ย้ำไม่ได้ใช้บ้านตัวเองเป็นสมรภูมิ

ดังนั้นต้องไปดูว่าเขาใช้สมรภูมิอะไรบ้างมองกลับไปนิดนึงว่าหลังสงครามโลกครั้งที่สองจะพบว่าประเทศต่างๆทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งเลยประเทศที่เคยตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษก็ดีฝรั่งเศสก็ดีจะอยู่ในภาวะที่เรียกว่าเหมือนอยู่บนถนน 4 แยกการปกครองใหม่

ซึ่งถือเป็นการปกครองด้วยคนของตัวเองดูง่ายๆเลยในกรณีของเกาหลีที่ถูกปลดปล่อยออกจากญี่ปุ่นกรณ๊ของเวียดนาม    alpha88   ที่ดูเหมือนกับใกล้ๆจะถูกปลดปล่อยออกจากฝรั่งเศสกำลังมองอยู่ว่าแล้วตกลงระบอบการปกครองของพวกเขาจะเดินหน้าไปทางไหนกันแน่

เพราะกระบวนการชาตินิยมถึงแม้ว่าต้องการที่จะได้รับเอกราชแต่ความเห็นหลังจากที่ได้รับเอกราชไปแล้วเห็นไม่ตรงกันบางฝ่ายเช่นกรณีของเวียดนามที่อาจจะมองว่าสังคมนิยมมาร์กซิสน่าจะเหมาะกับตัวเองในขณะเดียวกันก็มีเวียดนามบางส่วนก็มองว่าประชาธิปไตยน่าจะเหมาะกับตัวเองเช่นเดียวกันเกาหลีเองก็ไม่ต่างกัน

ดังนั้นช่วงที่โลกยังอยู่ในช่วงของการที่เรียกว่ายังไม่สะเด็ดน้ำหรือยังคิดอยู่ว่าจะเดินไปทางไหนกันบ้างก็เป็นโอกาสทำให้มหาอาจทั้งสองขั้วคือสหรัฐอเมริกาและสภาพโซเวียตนั้นคิดอยู่ว่าจะเดินหน้าไปทางไหนในการขยายอิทธิพลของตัวเอง