Category Archive : ตำนาน

วิธีการเรียกผีกระจก บลัดดี้ แมรี่ 

บลัดดี้ แมรี่  เป็นตำนานที่โด่งดังมากที่ประเทศอังกฤษซึ่งว่ากันว่าคือผีที่ไม่ว่าเราจะอยู่ประเทศไหนเราก็สามารถที่จะเรียกไปหาได้ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ศึกษามาเกี่ยวกับไสยศาสตร์ก็สามารถที่จะคุยกับเธอได้แล้ววันนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการเรียกบลัดดี้ แมรี่ และตำนานของบลัดดี้ แมรี่ กันค่ะ สำหรับวิธีการเรียกบลัดดี้ แมรี่ ว่ากันว่าเราจำเป็นจะต้องพูดคำว่า บลัดดี้ แมรี่  3 ครั้ง

เราจะต้องมีของด้วยเป็นกระจกซึ่งเราจะต้องอยู่ในห้องมืดๆคนเดียวและนอกจากนั้นเราอาจจะจำเป็นที่จะต้องมีเทียนไขหรือเปิดน้ำทิ้งไว้ตลอดเวลาค่ะ ซึ่งว่ากันว่าเคยมีหญิงสาวคนหนึ่งเคยเรียกบลัดดี้ แมรี่ ซึ่งบลัดดี้ แมรี่ ก็มาหาเธอจริงๆผ่านไป 1 วันผู้หญิงคนนั้นก็ยังไม่ออกมาจากห้องน้ำสุดท้ายญาติของเธอจึงได้ทำการโทรหาเจ้าหน้าที่เพราะว่าเธอนั้นได้ทำการล็อคประตูห้องไว้หลังจากที่พวกเขาสามารถพากันแวะเข้าไปในห้องน้ำได้แล้วก็พบว่ามีน้ำเปิดทิ้งให้ไหลไว้อยู่อย่างนั้นตรงกระจกว่างเปล่า

และนอกจากนั้นในห้องน้ำยังมืดสนิทไม่มีการเปิดไฟหรือจุดเทียนเลย จากสภาพศพว่ากันว่าของผู้หญิงคนนี้นั้นมีรอยข่วนและรอยทำร้ายร่างกายเต็มไปหมดแล้วว่ากันว่าบลัดดี้ แมรี่ จะดูดวิญญาณของคุณให้ไปอยู่ในกระจกเพื่อไปเป็นทาสของเธอตลอดไปและคุณก็ไม่สามารถที่จะไปผุดไปเกิดได้

เราว่ากันว่าศพของผู้ที่เรียกบลัดดี้ แมรี่ นั้นดวงตาของคนที่เรียกว่าจะออกมาจากเบ้าตาซึ่งถ้าใครมาเห็นเรียกได้ว่าเป็นภาพที่สยดสยองจนมองไม่ได้เลยค่ะ ซึ่งตำนานเกี่ยวกับบลัดดี้ แมรี่ เป็นที่โด่งดังเป็นอย่างมากจนมีผู้กำกับคนหนึ่งที่สร้างหนังเกี่ยวกับบลัดดี้ แมรี่ ซึ่งมีกระแสต้อนรับเกี่ยวกับหนังของบลัดดี้ แมรี่ ดีมาก เชื่อว่าคนคงจะรู้จักเกี่ยวกับตำนานผีกระจกคนนี้กันทั่วโลกเลยก็ว่าได้ซึ่งว่ากันว่าผีปีศาจที่อยู่ในกระจกนี้เธอเป็นผู้หญิงและเชื่อกันอีกว่านอกจากใบหน้าของคนในกระจก

จะหน้าตาน่าเกลียดแล้วบ้านพี่ถ้าเกิดว่าเราเรียกเธอว่ากันว่าอาจจะเป็นการอันตรายเกี่ยวกับชีวิตของเราด้วยดังนั้นจึงมีน้อยคนนักที่เลือกที่จะเรียกผีกระจกเพราะกลัวว่าการเรียกฉีดกระจกตอนนี้อาจจะทำให้ถึงแก่ชีวิตของตัวเอง

ซึ่งเคยมีกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนึงที่ต้องการที่จะทดสอบความกล้ากันดังนั้นจึงเข้าไปในห้องมืดๆแล้วเรียกบลัดดี้ แมรี่ ให้มาหาซึ่งว่ากันว่าเธอก็มาหาและสุดท้ายกลุ่มแจ้งวัยรุ่นกลุ่มนั้นก็ตายกันทั้งกลุ่มและมีสภาพศพที่น่าสยดสยองอย่างที่ได้กล่าวไว้

 

สนับสนุนโดย  sagame888

ตำนานหลวงพ่อลิ้นดำวัดนารังนก จังหวัดสงขลา

            สำหรับคนที่นิยมเครื่องรางของขลังแล้วแน่นอนว่าจะต้องรู้จักกันอย่างดีกับหลวงพ่อลิงดำแห่งวัดนารังนกเนื่องจากหลวงพ่อนั้นเป็นอีกองค์หนึ่งที่มีความศักดิ์สิทธิ์และมีความเก่งกล้าในด้านวิชาอาคมเป็นอย่างมากสำหรับเรื่องเล่าของหลวงพ่อลิ้นดำวัดนารังนกนั้นมีการเล่าเรื่องนี้กันมาอย่างยาวนานถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อและเป็นที่รู้จักกันดีของวงการพระเครื่องหลวงพ่อนั้น

มีความศักดิ์สิทธิ์และมีความน่าเกรงขามมากแค่ไหนซึ่งประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อลิ้นดำนั้นเกิดขึ้นมาจากว่าท่านเป็นหลวงพ่อที่ประจำอยู่ที่วัดนารังนกซึ่งสาเหตุที่คนเรียกท่านว่าหลวงพ่อลิ้นดำเนื่องจากว่าท่านจะมีปานสีดำอยู่ที่บริเวณลิ้นของท่านเองและด้วยปานสีดำที่ลิ้นนี้เวลาท่านกล่าววาจาอะไรออกไปก็จะศักดิ์สิทธิ์และประสบอย่างที่ท่านได้พูดออกไปอย่างเช่นตำนานที่มีการเล่ากัน

หรือเรื่องถึงที่หลวงพ่อลิ้นดำนั้นท่านทรงปราบจระเข้ซึ่งเรื่องเล่านี้มีการเล่ากันมาต่อเนื่องอย่างยาวนานว่าหลวงพ่อนั้นหลังจากที่ประจำวัดอยู่ที่วัดนารังนกบริเวณหน้าวัดนารังนกนั้นจะมีคลองขนาดใหญ่อยู่ซึ่งบริเวณแถวนี้จะเป็นที่เล่นน้ำของเด็กๆมักจะมากระโดดเล่นน้ำกันอยู่เป็นประจำอยู่มาช่วงหนึ่งเป็นช่วงที่จระเข้ชุมชนเป็นอย่างมากพวกมัน

มักจะว่ายน้ำมาคอยกัดกินชาวบ้านอยู่เป็นนิจทางด้านหลวงพ่อเองก็เกิดความรู้สึกไม่สบายใจที่เด็กๆที่มาเล่นน้ำที่หน้าวัดอาจจะเกิดอันตรายได้ดังนั้นหลวงพ่อจึงเดินมาที่บริเวณท่าน้ำของวัดหลังจากนั้นก็ได้มีการตั้งจิตอธิษฐานแล้วพูดออกไปว่าจระเข้ทั้งหลายถ้าหากเราจะมาว่ายน้ำอยู่ภายในบริเวณนี้ก็จงแสดงตัวให้คนได้เห็นเพื่อที่คุณจะได้หลีกหนีและไม่เกิดอันตรายต่อตัวเจ้าและตัวของคนที่มาเล่นน้ำเองซึ่งหลังจากที่หลวงพ่อลิ้นดำได้มีการกล่าวแบบนี้ออกไปนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ผู้คนมักจะเห็นจระเข้ลอยคออยู่บริเวณหน้าวัดหากพวกมันมาอยู่ในบริเวณหน้าวัดมันก็จะโผล่พ้นเหนือน้ำให้เห็นแต่ถ้าออกนอกบริเวณหน้าวัดไปมันก็จะดำน้ำไปเหมือนไม่มีจระเข้อยู่ในแม่น้ำเลยซึ่งทำให้เด็กๆมาเล่นน้ำที่ว่าวัดนั้นปลอดภัยจากการถูกจระเข้ทำร้ายเนื่องจากว่าเด็กๆหากเห็นจระเข้ลอยคออยู่ก็มักจะขึ้นจากท่าน้ำหนีได้ทันนั่นเอง

และนับตั้งแต่ที่วาจาของหลวงพ่อลิ้นดำนี้ในการบอกกล่าวกับจระเข้นั้นสำเร็จผลทำให้ชาวบ้านนั้นเล่าลือกันถึงความเก่งกาจของหลวงพ่อและความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อจนที่เป็นที่นิยมชาวบ้านมักจะเดินทางมาเคารพกราบไหว้กันเป็นประจำและที่สำคัญเครื่องรางของขลังที่มีการผลิตในรุ่นของหลวงพ่อลิ้นดำนั้นเป็นเครื่องรางของขลังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

เพราะถือได้ว่าเป็นเครื่องรางที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากปัจจุบันวัดนารังนกที่จังหวัดสงขลาเป็นสถานที่อีกที่หนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเยี่ยมชมความงดงามของภายในบริเวณวัดรวมถึงไปกราบไหว้ขอพรหลวงพ่อลิ้นดำโดยบริเวณรัฐนั้นจะมีศาลาการเปรียญอยู่ 1 ศาลาซึ่งศาลานี้มีอายุมากกว่า 100 ปีแล้วทำให้หลายคนต้องการที่จะไปดูศิลปะตั้งแต่สมัยโบราณในสมัยอยุธยาด้วยนั่นเอง

 

ได้รับการสนับสนุนมาจาก  เว็บพนันออนไลน์

เรื่องราวของโดราเอม่อน 

โดราเอมอนคือการ์ตูนที่โด่งดังไปทั่วโลกซึ่งเกิดขึ้นจากนักวาดที่มีชื่อนามปากกาว่าฟูจิโกะฟูจิโอะซึ่งเป็นนักวาดของคนญี่ปุ่นซึ่งขณะนั้นได้สร้างอนิเมชั่นนี้ขึ้นมาโดยมีแรงบันดาลใจมาจากความคิดที่เขาเคยคิดที่จะเป็นนักวาดการ์ตูนที่โด่งดังระดับโลก

และความต้องการที่จะสร้างผลงานดีขึ้นมาซึ่งเท่านั้นก็ได้ทำการคิดและส่งไปว่าเขาจะทำการประกวดการ์ตูนที่ดีที่สุดในอีก 3 เดือนซึ่งเขาจะร่วมงานนั้นตัวการ์ตูนที่สร้างขึ้นใหม่ด้วยตัวเองกับคู่หูฟูจิโอะหลังจากนั้นผ่านไป 2 เดือนเขาก็ยังไม่สามารถที่จะคิดออกเลยเนื่องจากยังคิดไม่ออกว่าจะใช้แรงบันดาลใจมาจากอะไรและจะเขียนเรื่องอะไรซึ่งเขานั้นได้พบกับแมวตัวหนึ่งมันมักจะมาในบ้านของเขาตลอดและเขาก็พบกับตุ๊กตาหุ่นยนต์ตัวกลมๆของลูกของเขา

ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็ได้นำทั้งสองอย่างมาว่าในแผ่นกระดาษ 2 แผ่นเสร็จแล้วก็นำมาตัดต่อรูปเข้าด้วยกันก็ได้รูปเป็นหุ่นยนต์โดราเอมอนในทุกๆวันนี้ถ้าไม่เข้ามีแรงบันดาลใจที่จะสร้างขึ้นมาและทำให้เขาคิดว่าการที่มีฐานะทีมเยือนเวลานั้นก็เป็นเรื่องที่ดีทำให้เริ่มคิดคาแรคเตอร์ได้มากขึ้นจนสุดท้ายก็กลายเป็นการ์ตูนที่โด่งดังไปทั่วโลกขณะนี้

ซึ่งโดราเอมอนนั้นวันเกิดก็คือวันที่ 3 กันยายนซึ่งมีน้องสาวชื่อว่าโดราเอมี่เป็นหุ่นยนต์เช่นเดียวกันโดราเอม่อนตอนโดรายากิซึ่งเป็นแป้งทอดส่วนโดราเอมี่ชอบขนมปังเมล่อนค่ะ Doraemon กลัวหนูเนื่องจากตัวเองเคยมีหูเหมือนคนอื่นๆแต่ว่าเนื่องจากถูกหนูกัดหูทำให้หลังจากนั้นเขาก็แตกต่างจากคนอื่นโดยมีร่างกายสีฟ้าและไม่มีหูและหลังจากนั้นเขาก็เป็นคนที่กลัวหนูมาตลอดโนบิตะนั้นเป็นคนที่โง่มากๆจะมีชะตากรรมที่จะต้องแต่งงานกับน้องสาวของไจแอนท์ชื่อว่าไจโกะทำให้โดราเอมอน

อยากที่จะมาเปลี่ยนแปลงโชคชะตาให้คนในโลกอนาคตที่เป็นลูกหลานของโนบิตะมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิมทำให้โดราเอมอนช่วยโนบิตะให้ทำได้ดียิ่งขึ้นหลายๆอย่างสุดท้ายอนาคตของโนบิตะก็ได้เปลี่ยนไปและได้แต่งงานกับชิซูกะคนที่เขารักมานานและชีวิตลูกหลานเขาก็ดีมากขึ้นเรื่อยๆจนตอนนี้โดราเอม่อนก็กลายเป็นเรื่องที่โด่งดังทั่วโลก

ซึ่งคนทั่วโลกนั้น Doraemon Doraemon น้ำมีความน่ารักและห่วงใยถึงแม้ว่ามันจะมีความสุขมันก็ดูมีความน่ารักในแบบของมันรวมถึงเวลาเศร้ามันก็ยังดูน่ารักเช่นเดียวกันทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่โด่งดังจนสามารถขายได้เงินดีมากทำให้นักเขียนฟูจิโอะทำการสร้างเรื่องราวมากขึ้นเรื่อยๆกับคู่หูของเขา ตอนนี้นักเขียนทั้ง 2 ที่เป็นคู่หูกันก็โด่งดัง

และเป็นมหาเศรษฐีแต่ก็ไม่เคยที่จะหยุดการสร้างการ์ตูนโดราเอมอนสร้างต่อมาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบันถึงแม้ว่ามันจะผ่านมาหลายสิบปีแล้วแต่เรื่องโดราเอมอนก็ยังเป็นเรื่องที่หลายคนยังจดจำอยู่เช่นเดิมรวมถึงเด็กยุคสมัยใหม่แต่ก็ชอบโดราเอมอนกันด้วยค่ะ

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  sa game vip

4สิ่งมหัศจรรย์ของสุสานจิ๋นซี

ถึงแม้จิ๋นซีฮ่องเต้จะปกครองแผ่นดินจีนเพียงแค่ช่วงระยะเวลาแค่ไม่นานเพียงแค่15ปีแต่ก่อนที่จะสิ้นพระชนม์และราชวงศ์ฉินจะล่มสลายนั่น ท่านก็ได้สร้างเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ให้เกิดกับแผ่นดินจีนมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กำแพงเมืองจีน ที่เป็น1ใน7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกและนอกจากกำแพงเมืองจีนในยุคจิ๋นซีฮ่องเต้ยังมีการสร้างสุสานจักรพรรดิจิ๋นซี

ซึ่งได้เป็นที่ฝั่งพระศพหลังสิ้นพระชนม์เพื่อเดินทางสู่ปรโลก และ สุสานทหารจิ๋นซีที่มีความน่าทึ่งในหลากหลายในเรื่องราว ซึ่งจะมีเรื่องราวอะไรน่าสนใจบ้างนั้น วันนี้เราจะพาทุกคนมาพบกับเรื่องเด็ดสุสานจิ๋นซี สิ่งมหัศจรรย์หลังความตาย

ชีวิตหลังความตายจิ๋นซีฮ่องเต้เป็นหนึ่งของความที่เชื่อในเรื่องของความเป็นอมตะและชีวิตหลังความตายดังนั้นนับตั้งแต่ที่พระองค์นั้นได้ขึ้นครองราชด้านหนึ่งได้บังคับเกณฑ์ไพร่พลราวประมาณ500,000คนให้ไปสร้างกำแพงเมืองจีนพวกเป็นการป้องกันการรุกรานจากเผ่าซงหนูส่วนอีกด้านหนึ่งได้ นำเอาแรงงานกว่า700,000คนได้ไปก่อสร้างพระราชวงค์และสุสานของ

จิ๋นซีฮ่องเต้ที่เป็นมากกว่าสุสานฝังพระศพทั่วไปเพราะที่นี่นั้นเป็นสถานที่ที่ได้เตรียมเอาไว้สำหรับการใช้ชีวิตหลังความตายในปรโลก

พระราชวังแห่งปรโลก

สำหรับสุสานจิ๋นซีเป็นการจำลองพระราชวังแห่งปรโลกที่มีการแบ่งเป็นเขตพระราชฐานชั้นนอกและชั้นในภายในสถานอกจากสถานที่ตั้งพระศพของจิ๋นซีแล้วยังเพียบพร้อมไปด้วยหุ่นปั้นค่าพระราชบริพารนางสนม นางกำนันกองกำลังทหาร รถม้า ม้าศึก สัพพอาวุธตลอดจนทรัพย์สมบัติต่างๆรวมเดินทางหลังความตายไปรับใช้ชีวิตในปรโลกขององค์จิ๋นซีฮ่องเต้

พบเจอโดยบังเอิญ

ในระยะเวลาประมาณบ่านสองโมงกว่าๆวันที่29มีนาคม พุทธศักราช2517 ณ เชิงเขาหลีซานมณฑลส่านซีประเทศจีนย่านจีฟาชาวนาหมู่บ้านซีหยานกำลังขุดดินเพื่อจะทำเป็นบ่อน้ำอย่างเพลินๆจู่ๆเขาก็ได้ขุดไปเจอกับซากดินเก่าโบราณเข้าได้เป็นซากหัวม้าดินศพเก่าแก่ที่ได้มีการสืบรู้ภายหลังว่าได้มีอายุมากกว่า2,000ปี ซึ่งถือเป็นจุดกำเนิดของการเปิดกรุสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้

สิ่งมหัศจรรย์อันดับ8ของโลก

 การพบเจอสุสานจิ๋นซีถือได้ว่าเป็นหนึ่งในการค้นพบที่สำคัญของมนุษยชาติอันนำไปสู่การขุดค้นพบทางประวัติศษสตร์ที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดของประเทศจีนและที่ยังยิ่งใหญ่ไปกว่านี้ที่สุดของโลกในศตวรรษที่20ส่งผลให้สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ได้เป็นสิ่งที่มีความมหัศจรรย์อันดับ8ของโลกนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจนยาวมาถึงในปัจจุบันนี้ที่ยังได้มีการอนุลักษณ์เอาไว้อยู่ที่ประเทศจีน

พื้นที่ที่ยังถูกให้เป็นปริศนาอย่างลึกลับมาอย่างยาวนาน

Gangkhar Puensum ประเทศภูฏาน

 Gangkhar Puensumได้เป็นยอดเขาที่มีความสูงมากที่สุดและยังได้เป็นยอดเขาที่ไม่สามารถปีนได้ถึงและยังมีความสูงที่ระดับ7,570เมตรและยังได้มีความสูงลำดับที่40ของโลกทั้งนี้ก็ยังได้เป็นที่ทราบกันดีว่ายอดเขาที่ได้มีความสูงมากที่สุดในโลกอย่างยอดเขาเอเวอเรสต์ก็ยังได้ถูกพิชิตโดยนักปีนเขามาหลายๆต่อหลายคนแล้วแต่ด้านGangkhar Puensumนั้น

ยังคงไม่มีใครที่จะมีใครได้พิชิตได้ แม้จะมีผู้พยายามเกือบจะทำสำเร็จถึง4ครั้งในปีค.ศ.1983.1985.1986และ1994แต่นักสำรวจเหล่านั้นก็ยังไม่สำเร็จเนื่องจากเจออุปสรรค์พายุหิมะอันบ้าคลั่งและสภาวะอื่นๆที่ไม่อาจคาดเดาได้อีกมากมายและจนในที่สุดในปี2004รัฐบาลภูฏานนี้ก็ยังได้ออกมาประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวให้เป็นพื้นที่หวงห้ามด้วยเหตุผลทางด้านของความเชื่อทางจิตวิญาณซึ้งก็ได้ถือว่าเป็นดินแดนที่ศักดิ์สิทธิ์นั่นมันจึงทำให้Gangkhar Puensum ยังคงได้เป็นดินแดนตกสำรวจมาจนถึงในปัจจุบันนี้

Erg Chebbi, Sahara Desert, Morocco…The great piece of Art ...

 ทะเลทรายSahara

และก็ยังได้เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วสำหรับในข้อเท็จจริงว่าทะเลทรายนั้นถือได้ว่าได้เป็นดินแดนที่ตกสำรวจอย่างแท้จริงเนื่องด้วยมาจากสภาพภูมิอากาศที่มันไม่ค่อยเอื้ออํานวยSaharaได้เป็นทะเลทรายที่ได้มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกและยังมีพื้นที่มากว้าง200ล้านล้านตรางไมล์ได้ตั้งอยู่ในทวีปเอฟริกาและยังได้มีสภาพอากาศที่เลวร้ายอุณหภูมิได้ขึ้นมายากสุดขีดจากมีอากาศที่ร้อนจัดในช่วงของตอนกลางวันและจะมีสภาพอากาศที่หนาวจัดในช่วงเวลากลางคืออีกทั้งยังมีฝนตกแค่เพียงเล็กน้อย

ในแต่ละปีมีเพียงพืชและสิ่งที่มีชีวิตในบางชนิดเท่านั้นที่สามารถปรับตัวและก็ยังสามารถที่จะเอาชีวิตรอดได้จึงทำให้ทะเลSaharaได้กลายเป็นทะเลทรายที่มีความร้อนมากที่สุดมีความกว้างใหญ่มากที่สุด ซึ่งนักวิทยาศาสตร์หลายคนนั้นต่างก็เชื่อว่าก่อนที่ Sahara จะกลายมาเป็นทะเลทรายที่สุดโหดในปัจจุบัน ในครั้งหนึ่ง

เคยเป็นพื้นที่สีเขียวอุดมสมบูรณ์และได้มีชนเผ่าที่มีอารยธรรมเคยอาศัยอยู่และหลายคนที่อาจฟังดูแล้วมันน่าเหลือเชื่อแต่ก็ยังมีนักวิทยาศาสตร์ของนาซ่าก็ยังได้ออกมาให้เหตุผลว่าเมื่อประมาณ8,000ถึง10,000ปีที่แล้วบนโลกของเรานั้นได้มีสภาพของภูมิอากาศที่ได้มีความที่แตกต่างไปจากในปัจจุบันไปเป็นอย่างมาก เนื่องจากองศาความเอียงของแกนขั่วโลกเหนือขั่วโลกใต้ในอดีตจะเอียงอยู่ที่24.1ดีกรีไม่เหมือนกับปัจจุบันได้มีความเอียงทำมุม23.5ดีกรีรวมทั้งรูปร่างของวงโครจที่โลกนั้น

ได้หมุนรอบดวงอาทิตย์มันก็จะมีรูปทรงที่จะมองดูแตกต่างกันออกไปและนั่นก็เป็นสาเหตุที่จะทำให้ในครั้งหนึ่งนั้นทะเลSaharaนั้นได้เคยอุดมสมบูรณ์มาก่อนและยังเชื่อว่ายังมีเมืองอารยธรรมโบราณที่ถูกฝั่งให้จมอยู่ใต้ทะเลทรายอันผืนใหญ่ซึ่งมันก็งยังคงเป็นพื้นที่ลึกลับที่ยังไม่มีใครที่จะเข้าไปถึงได้อีกมาก

ตำนานเทพนาจา 

 เทพเจ้านาจาเป็นเทพเจ้าที่มีหน้าที่ปกป้องพิทักษ์ประตูสวรรค์รูปร่างของเทพเจ้านาจานั้นจะมีลักษณะเหมือนเด็กน้อยมีอาวุธเป็นหอกและห่วงทอง และมีพาหนะเป็นกงล้อไฟช่วยให้เดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวก  ประวัติของเทพเจ้านาจานั้นว่ากันว่าเป็นชายคนนึงที่ชื่อว่าหลีจิ้ง ทำหน้าที่พิทักษ์ประตูเมือง

ซึ่งเขามีภรรยาอยู่คนนึงกำลังตั้งครรภ์ แต่ครรภ์ของภรรยาของเขาผิดปกติ เพราะอายุครรภ์ 3 ปี 6 เดือนแล้วยังไม่คลอดสักที ซึ่งด้วยอายุครรภ์ที่นานแบบนี้ทำให้หลี่จิ้งเข้าใจว่าเด็กที่อยู่ในท้องของภรรยา คือปีศาจโดยเขาตั้งใจว่าหากเด็กคลอดออกมาเขาจะฆ่าทิ้งเสีย ทางด้านฝ่ายภรรยาของหลี่จิ้งฝันว่า มีนักบวชได้พาเด็กน้อยมามอบให้และหลังจากที่เธอตื่นขึ้นมาเธอก็ให้กำเนิดลูก

แต่เด็กคนนั้นกลับเป็นเพียงแค่ก้อนเนื้อที่สามารถกลิ้งไปกลิ้งมาได้ เมื่อหลี่จิ้งเห็นก้อนเนื้อดังกล่าวก็ต้องเข้าจัดการทันทีด้วยการนำของออกมาผ่าก้อนเนื้อนั้นออกซึ่งหลังจากที่ผ่าก้อนเนื้อออกมาแล้วก็ปรากฏว่ามีเด็กออกมาจากก้อนเนื้อนั้น โดยที่มือขวามีกำไรทองคำและยังใส่เอี๊ยมสีแดง และหลังจากนั้นไม่นาน ไท่อี๋เจินเหลิน

ก็เดินทางมาเยี่ยมเด็กน้อยคนดังกล่าวและได้มีการตั้งชื่อให้ว่านาจา ทำให้หลี่จิ้งได้รู้ว่า ลูกชายของตนเองนั้นไม่ใช่เด็กธรรมดาทั่วไป  และเมื่อตอนที่นาจะมีอายุครบ 7 ปี  นาจาได้มาเล่นน้ำที่ทะเลตงไห่

และด้วยอาวุธวิเศษที่ติดตัวนาจามา ทำให้เวลาที่น้ำทะเลโดนตัวของนาจา เกิดมีเสียงกระทบเสียงดังสะท้านลงไปถึงใต้เมืองบาดาล ซึ่งเป็นที่อยุู่ของพญามังกร  ทหารยามที่เป็นยังของวังพญามังกรจึงขึ้นมาดูและมีความต้องการที่จะอยากได้ของวิเศษของนาจา แต่ก็ถูกนาจาฆ่าตาย พญามังกรทราบเรื่องจึงได้ส่งลูกชายมาปราบนาจา

แต่ก็ถูกนาจาทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ จนพญามังกรต้องขึ้นมาต่อสู้กับนาจาเอง แต่ก็ไม่สามารถสู้กับนาจาได้ ทำให้พญามังกรได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นเดียวกัน ทำให้พญามังกรไปเรียกพี่น้องของตนที่เฝ้าประตูเมืองบาดาลทั้งสี่ทิศให้มาช่วยกันสร้างคลื่นยักษ์เพื่อถล่มเมืองที่พ่อของนาจาเฝ้าอยู่ ทำให้พ่อของนาจาไม่พอใจต่อว่านาจาที่สร้างปัญหามาให้กับชาวเมือง 

ซึ่งนาจากลัวว่าชาวเมืองจะต้องมาเดือดร้อนเพราะตัวเอง จึงฆ่าตัวตายด้วยการเฉียนเอาเนื้อไปให้พ่อ และเอากระดูกกลับคืนไปให้แม่ตามที่พญามังกรต้องการ ด้วยความเสียสละของนาจา ชาวเมืองจึงได้พากันมาสร้างศาลให้กับนาจาแต่พ่อของนาจาก็มาพังศาลทิ้งทำให้วิญญาณของนาจาเร่ร่อนไปทั่วจนไปเจอกับคนที่เคยตั้งชื่อให้กับนาจาตอนที่นาจาเกิด 

ซึ่งไท่อี๋เจินเหลิน สงสารนาจาจึงได้นำส่วนประกอบของบัว ทั้งใบ ราก และดอกมาสร้างเป็นรูปร่างให้กับนาจาและเสกให้นาจากลับมามีชีวิตอีกครั้ง พร้อมทั้งยังยกกงล้อไฟและปืนปลายไฟให้กับนาจาเอาไว้เป็นอาวุธหลังจากนั้นนาจาก็กลับมาแก้แค้พ่อของตัวเอง จนพ่อของตัวเองต้องไปขอความช่วยเหลือของพระพุทธเจ้า

ซึ่งนาจาก็ตามมาเพื่อหวังจะฆ่าพ่อตัวเอง แต่พระพุทธเจ้าทรงห้ามเอาไว้แต่นาจาไม่ฟังพระพุทธเจ้าจึงได้ขังเอาไว้ในเจดีย์ไฟ จนนาจาต้องร้องขอให้ปล่อยและยกเลิกความคิดที่จะฆ่าพ่อของตัวเอง อีกทั้งยังไปช่วยพ่อฆ่ากษัตร์ที่ไม่ดีอีกด้วย จนในที่สุดนาจาก็ได้รับการแต่ตั้งให้เป็น จงขานหยวน ซึ่งมีประวัติในวรรณกรรมจีนสืบต่อมา

 

สนับสนุนโดย  9luck