หลุมขยะนิวเคลียร์บนเกาะรูนิทและเมืองเซ็นเทรเลีย

หลุมขยะนิวเคลียร์บนเกาะรูนิทและเมืองเซ็นเทรเลีย

เมืองเซ็นเทรเลีย

ในปี1962ที่เมืองเซ็นเทรเลีย ในรัฐเพนซิลเวเนียได้มีการทำความสะอาดเมืองด้วยการเผากำจัดขยะแต่ได้เป็นความคิดที่ผิดพลาดอย่างมากที่เลือกเผาในเหมือแร่เก่า ซึ่งนั่นเป็นการจุดชนวนชั้นถ่านหินที่อยู่ใต้ดินทำให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้นไฟลุกไหม้อย่างรุนแรงจนไม่สามารถดับลงได้แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เพียงเท่านี้ เมื่อปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งได้บังเอิญพบบางอย่างที่น่าตกใจในอีก17ปีต่อมา

โดยได้พบว่าถังเก็บน้ำมันเบนซินที่อยู่ในชั้นใต้ดินนั้นมีอุณหภูมิสูงถึง77องศาเซลเซียส ในตอนนั้นใต้ดินได้เกิดเพลิงลุกไหม้กระจายไปทั่วเหมืองถ่านหินที่อยู่ลึกลงไป100เมตรและมีอุณหภูมิสูงถึง540องศาเซลเซียสมันจึงทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์และแก๊สพิษขึ้นในปริมาณสูง ซึ่งได้ถูกปล่อยขึ้นมาบนอากาศตามรอยแตกของพื้นดินหลายปีต่อมาแผ่นดินที่อยู่บนิเวณนั้น

เกิดทรุดตัวลงและเกิดเป็นหลุมลึกชาวบ้านหลายคนเกือบเอาชีวิตไม่รอดในเหตุการณ์นั้นจึงทำให้ชาวเมืองกว่า1,000ชีวิตที่ส่วนหนึ่งได้อพยพออกจากพื้นที่เพราะกลัวอันตรายที่จะเกิดขึ้นแต่ในบางส่วนต้องจำใจที่จะต้องอพยพ เนื่องด้วยพื้นที่เมืองถูกเวนคืนโดยรัฐบาลในปี1992 ตึกรามบ้านช่องส่วนใหญ่ได้ทยายถูกรื้อถอนไปแต่ก็ยังคงมีชาวบ้านจำนวนกว่า10คนที่ยังคงอยู่ที่นี่ไม่ยอมอพยพไปไหนและยังได้กล่าวกันว่ายังคงมีไฟที่เต็มไปด้วยสารพิษอยู่ใต้เหมืองเซ็นเทรเลีย ซึ่งได้คาดการณ์ว่าจะเป็นเช่นนี้ไปถึงอีก250ปีเลยทีเดียว

เกาะรูนิท

สมัยในช่วงของสงครามเย็นสหรัฐได้มีการทดลองอาวุธนิวเคลียร์บนเกาะรูนิท ซึ่งได้เป็นส่วนหนึ่งของบริเวณที่เรียกว่า เอเนวีทาค อะทอลล์ ที่อยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งแรงระเบิดนั้นได้มีความรุนแรงกว่าระเบิดทีเอนที30เมกะตัน โดยได้ถูกเรียกชื่อในรหัสว่า ไอวี่ไมค์  ซึ่งได้เป็นการทดลองระเบิดไฮโดรเจนลูกแรกส่งผลให้พื้นที่ของเกาะที่อยู่โดยได้ระเหยหายไป

และได้เกิดฝุ่นกัมมันตรังสีที่จะแพร่กระจายได้ไกลถึง35ไมล์ และด้วยแรงระเบิดอย่างมหาศาลนี้ จึงได้ทำให้เกิดการค้นพบธาตุขึ้นมาใหม่สองชนิดในบริเวณพื้นที่ของการระเบิดนั่นก็คือ ไอน์สไตเนียม และ เฟอร์เมียม ถึงแม้ว่าบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่ของการทดลองนั้นจะมีผู้คนอาศัยอยู่ก็ตามแต่การกำจัดสารกัมมันตรังสีนั้นถูกเริ่มขึ้นในอีก2ทศวรรษให้หลัง โดยในปี1977ก็ได้มีการก่อสร้างโดมคอนกรีตขนาดใหญ่ขึ้นมาเพื่อเป็นการปิดหลุมที่เกิดขึ้นมาจากการระเบิด โดยได้ใช้ดินกว่า85,000ลูกบาศก์เมตร

นำไปถมในหลุมจนเต็มจากนั้นจึงปิดปากหลุมด้วยแผ่นคอนกรีตที่มีขนาดใหญ่และกวาง106เมตรและหนา45ซม. โดยได้ใช้จำนวนกว่า300แผ่น ซึ่งได้ออกแบบมาให้สามารถป้องกันฝุ่นกันมัมตรังสีโดยเฉพาะหลังจากนั้นต่อมาเกาะรูนิทก็ได้ถูกทิ้งร้างเอาไว้แต่ถึงเช่นนั้นรอยแตกและรอยรั่วของโดมแห่งนี้ได้สร้างความวิตกกังวลไปทั่วแปซิฟิกเพราะเนื่องจากว่าได้มีการตรวจพบเจอสารกัมมันตรังสีที่ถูกปล่อยออกมาจากโดมแห่งนี้ได้ที่ประเทศจีน

 

สนับสนุนโดย  next88